กนกวรรณ เสวาภพ พรนิภา อู่รัศมี

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562

ใบงาน


วิชาการพัฒนาหลักสูตร                    ชื่อเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
กิจกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ วิธีการเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-Directed Learning)

                                                                                            ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา  ธงพานิช
วัน/เวลาในการปฏิบัติกิจกรรม 

คำชี้แจง : ให้นักศึกษาปริ้นท์เอกสารทั้งหมด อ่านคำชี้แจงและปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

สวัสดี.... ฉันชื่อ จูจู วันนี้ฉันจะมาเป็นผู้ช่วยในการเรียนรู้
ของคุณ ก่อนอื่น... เราต้องมาทราบกันก่อนว่า เราจะต้องเตรียม
อุปกรณ์ 4 อย่าง ได้แก่อะไรบ้าง เริ่มกันเลย!”
1. คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต
2. โปรแกรม MS Word
3. เอกสารคำสอน วิชาการพัฒนาหลักสูตร
4. ปากกา (สี) กระดาษ สมุดบันทึกการเรียนรู้



กิจกรรมการเรียนรู้ มีทั้งหมด 4 กิจกรรม
กิจกรรมทั้ง 4 กิจกรรม มีดังต่อไปนี้
กิจกรรมที่ 1 : N1  การกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้  N2 การกำหนดระดับคุณภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบของภาระงาน
กิจกรรมที่ 2 : P1  ศึกษาธรรมชาติของเนื้อหาจากเอกสารคำสอนเนื้อหาใบความรู้ใบงานรายบุคคล    P2  สืบค้นประเด็นที่เราสนใจศึกษา
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนเอาใบความรู้เพิ่มเติมจับคู่กันสืบค้น ค้นหาแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์
กิจกรรมที่ 3 : P3  สรุปสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ โดยใช้ผังความคิด
กิจกรรมที่ 4 : U1 ประเมินความรู้ความเข้าใจ และ U2 มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

ให้นักศึกษาปฏิบัติตามขั้นตอนตามรายละเอียดต่อไปนี้โดยเคร่งครัด ห้ามลัดขั้นตอนนะจ๊ะ












รู้หรือไม่?  ในฐานนี้ มีกิจกรรมละ 1-3 คะแนน รวมเป็น 10 คะแนนนะจ๊ะ
โดยให้นักศึกษาเขียนตอบทุกข้อ ขอให้ตั้งใจทำ และเรียนรู้ตามขั้นตอน
จะเป็นประโยชน์ต่อเรามากจริงๆ จูจู Confirm!”    
                                                                   
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พิจิตรา  ธงพานิช
           


ฐานที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา

คำชี้แจง : ให้นักศึกษาอ่านคำชี้แจงและปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

กิจกรรมที่ 1 :
                                                N1 การกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้  
N2 การกำหนดระดับคุณภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบของภาระงาน
กิจกรรมที่ 1.1 การกำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้สร้างวิสัยทัศน์และภาระงาน  
                                                  อุปกรณ์เบื้องต้นที่ใช้ : ปากกา/เอกสารคำสอนวิชาการพัฒนาหลักสูตร
                                                 บทบาทผู้เรียน : การคิด การคิดไตร่ตรอง การใช้เหตุผลเพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายสร้าง                  
 วิสัยทัศน์และภาระงานเราได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความหมายของคำว่า การพัฒนา   หลักสูตรสถานศึกษา แล้ว ในบทที่ 9 นี้จะนำพวกเราเรียนรู้ในเรื่องของ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งเราต้องศึกษาทำความเข้าใจว่า เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายสร้าง                  
                                    วิสัยทัศน์และภาระงาน  นั้นคืออะไรเสียก่อน จึงจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดในภาพรวมนี้            
                               ได้........เอาล่ะ! ถึงคราวที่เราจะทบทวนความรู้เดิมกันเสียก่อนว่าเรา Get เรื่องนี้มาก    
                              น้อยแค่ไหน ห้ามเปิดหนังสือนะ ตอบตามที่รู้เลยจริง ๆ ใครเปิดหนังสือหรือค้นใน      
                              เว็บไซต์ ไม่ได้นะคะ
1.1 จงตอบคำถามต่อไปนี้ (ใช้วิธีการเขียนตอบเท่านั้น)
1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คือ  การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรอันเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาวิชา การเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล และอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายอันใหม่ที่วางไว้ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบหรือเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ตั้งแต่จุดมุ่งหมายและวิธีการ และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบกระเทือนทางด้านความคิดและความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนการปรับปรุงหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบางส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นฐาน หรือรูปแบบของหลักสูตร ”
2) แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คือ   แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา เป็นแนวคิดภายใต้พื้นฐานของการ บริหารงานที่ใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management - SBM) ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งให้สถานศึกษามีอิสระและมีความคล่องตัวในการบริหารงานด้านวิชาการ ด้านการเงิน ด้านการบริหารงานบุคคล              และการบริหารทั่วไป เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจโดยมีความเชื่อว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดจากการตัดสินใจของคณะบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดและมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักเรียนมากที่สุด
3) ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาคือ
ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่าง ๆ ได้แก่
                   1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของชุมชน
                   1.2 การวิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
                   1.3 การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง
              ขั้นที่ 2 การร่างหลักสูตร
                   2.1 การกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
                   2.2 การกำหนดเนื้อหาสาระ
                   2.3 การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมและสื่อต่าง ๆ
                   2.4 การกำหนดวิธีวัดและประเมินผลผู้เรียน
              ขั้นที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร
              ขั้นที่ 4 การนำหลักสูตรไปใช้
              ขั้นที่ 5 การประเมินผลหลักสูตร

กิจกรรมที่ 1.2 : P1 ศึกษาธรรมชาติของเนื้อหาจากเอกสารคำสอนเนื้อหาใบความรู้ใบงานรายบุคคล
                                                กิจกรรมในขั้นนี้ง่ายมากเลย... เราแค่ใช้ทักษะการอ่านและทำความเข้าใจ
เท่านั้น  กิจกรรมในขั้นนี้ก็คือ ให้นักศึกษาอ่านเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยคร่าวๆ ว่า ในบทที่ 9 เรื่องการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา นั้น ได้กล่าวถึงหัวข้อหลักอะไรบ้าง มีอะไรสำคัญบ้าง  โดยสามารถดูได้จากหน้าสารบัญค่ะ...อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ....จะบอกเคล็ดลับ 4 ประการ ในการอ่านไว้ให้ว่า.....
                                                อุปกรณ์ที่ใช้ : หนังสือฯ/ปากกา/ปากกาสี/กระดาษโน้ต (ถ้ามี)
·       เคล็ดลับที่ 1
ในการอ่านแบบจับใจความ ผู้อ่านต้องเริ่มต้นด้วยการมีสติ รู้ว่ากำลังอ่านเพื่อจับใจความ เพราะฉะนั้นห้ามหลงใหล หรือ อินทางด้านอารมณ์ไปกับเนื้อหา โดยส่วนใหญ่เราจะไม่นำเทคนิคอ่านจับใจความไปใช้กับการอ่านนวนิยาย หรือการอ่านบทกวี เพื่ออรรถรสค่ะ ยกเว้นจะเรียนสาขาอักษรศาสตร์หรือมนุษยศาสตร์ และอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบไม่ทัน แบบที่ดิฉันเคยทำเมื่อสมัยเรียน
การอ่านอย่างมีสตินั้น อ่านไปก็ต้องพยายามหาคำตอบอยู่เสมอว่า ทำไม” “อะไร” “เมื่อไร” “อย่างไร” “ที่ไหนในบรรดาคำถามทั้ง 5 นั้น ทำไมเป็นคำถามที่ทรงพลังที่สุด
·       เคล็ดลับที่ 2
ให้เปิดดูสารบัญหรือเรื่องย่อ (ถ้ามี) เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ก่อน เมื่อเห็นภาพใหญ่แล้วจะทำให้ง่ายขึ้นใน
การจับใจความค่ะ
หลังจากเปิดดูสารบัญหรือเรื่องย่อ เราควรจะทราบข้อมูล เพื่อตอบคำถามอะไรดังต่อไปนี้คือ เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร?  ผู้เขียนต้องการนำเสนออะไร (แบบคร่าวๆ) และมีหลักในการนำเสนออย่างไร?  เช่น นักเขียนบางคนเริ่มจากการวางหัวเรื่องให้คนสงสัย แล้วค่อยๆ คลี่คลาย เพราะฉะนั้นช่วงท้ายจึงสำคัญ ในขณะที่บางคนจะวางประเด็นหลักไว้ก่อน แล้วจึงหาเหตุผลและประเด็นมาสนับสนุน
·       เคล็ดลับที่ 3
สรุปความแต่ละบท เพื่อตอบคำถามที่เหลือคือ ทำไม” “อย่างไร” “ที่ไหนดังเช่นตัวอย่างที่ยกไปแล้ว  
บางคนจะเขียนใจความหลักของแต่ละย่อหน้าไว้ในประโยคแรก แล้วจึงค่อย ๆ อธิบาย เพราะฉะนั้น หากพบการเขียนสไตล์นี้ สามารถอ่านประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า ก็จะได้เนื้อหาของย่อหน้าทั้งหมด 100 หน้า อาจจะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หรือผู้เขียนบางคนวิธีสรุปความในตอนท้ายของแต่ละย่อหน้า อันนี้ถ้าจับสไตล์ได้ก็อ่านเพียงส่วนท้ายของแต่ละย่อหน้า หรือแต่ละบทเท่านั้น
·       เคล็ดลับที่ 4
การทำโน้ตย่อ หรือ Short notes เป็นการบันทึกการสรุปใจความหลักเอาไว้ ประโยชน์ของการทำโน้ตย่อ
คือ วันหลังมาอ่านก็ไม่ต้องเสียเวลาสรุปความอีก เหมาะสำหรับย่อสรุปสิ่งที่มีความสำคัญ และต้องนำกลับมาใช้หรืออ้างอิงบ่อยๆ รวมถึงโน้ตไว้เพื่ออ่านสรุปก่อนสอบด้วย หากทำโน้ตย่อได้ทุกวิชาที่เรียน รับประกันว่าสอบได้คะแนนดีแน่ ๆ ดิฉันทำตลอดเวลาที่เรียนค่ะ โดยเฉพาะวิชาที่มีประเด็นมาก ๆ จำไม่ไหว..... 
                                                                                     
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พิจิตรา  ธงพานิช
กิจกรรมที่ 1.3 : P2 สืบค้นประเด็นที่เราสนใจศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนเอาใบความรู้เพิ่มเติมจับคู่กันสืบค้น ค้นหาแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์
จากกิจกรรมที่ 1.2 จากหัวข้อในบทที่ 9 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหรือเว็บไซต์ ที่เราได้อ่านและศึกษามาทุกหัวข้อมาอย่างคร่าวๆ แล้ว ขอให้นักศึกษาได้เลือกหัวข้อที่สนใจมา 2 หัวข้อ โดยให้ระบุหัวข้อที่สนใจโดยเรียงลำดับจากมากที่สุดไปยังหัวข้อที่สนใจน้อยที่สุด ตามหมายเลขต่อไปนี้……….”
อุปกรณ์ที่ใช้ : หนังสือฯ/ปากกา/ปากกาสี/กระดาษโน้ต (ถ้ามี)

ฉันมีความอรรถรสและสนใจใคร่รู้ในหัวข้อ (เขียนชื่อหัวข้อตามสารบัญค่ะ)
1.หัวข้อ เรื่อง แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
สาระสำคัญของหัวข้อนี้คือ คือ ศึกษาแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตร จากการศึกษาแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษามีดังนี้ เป็นแนวคิดภายใต้พื้นฐานที่ใช้สถานศึกษาเป็นฐาน เป็นแนวคิดที่เน้นว่าสถานศึกษาต้องมีอิสระและความคล่องตัว ในด้าน ต่าง ๆ เช่น ด้านการเงิน วิชาการ งานทั่วไป งานบริหารบุคคล และชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น ตัดสินใจร่วมกัน
       แนวคิดนี้เริ่มเริ่มที่ประเทศสหรัฐ ในการพัฒนาองค์การทางอุตสาหกรรมทำให้มีประสิทธิภาพ ในการทำงานให้มีคุณภาพ มีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เรื่อยโดยใช้โรงเรียนเป็นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา เพราะโรงเรียนเป็นที่ที่ดีที่สุดในการออกแบบหลักสูตร เพราะโรงเรียนทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ทำให้เห็นถึงผลสะท้อนที่เกิดขึ้น มีการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาครูทุกคนต้องออกแบบหลักสูตร และทุกห้องเรียนเป็นห้องปฏิบัติการ เกี่ยวกับหลักสูตรใหม่ ๆ ประเทศไทยแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรต้องเป็นแบบกระจายอำนาจให้กับโรงเรียนตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตร เพราะแต่ก่อนเป็นการรวมอำนาจที่กระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น
       1. ก่อให้เกิดความล่าช้าในการอนุมัติ
       2.ขาดความเป็นอิสระในการตัดสินใจ การบริหาร และการตัดสินใจของหน่วยงานระดับล่างอาจทำไม่ได้ ไม่สอดคล้อง ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นและความเร่งด่วนในการแก้ปัญหา และตอบสนองความต้องการของนักเรียน ประชาชน และชุมชน
       3. ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและทรัพยากร เนื่องจากการคัดสรรที่ไม่สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาด้านหลักสูตร
       4.กรอบหลักสูตรเป็นสาเหตุการสกัดการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตร
       5. ความวิตกกังวลของสถานศึกษาครูบุคลากร ที่เกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ครบตามระเบียบ เป็นต้น
จากปัญหาจึงเกิดแนวคิดการกระจายอำนาจเพื่อ
1.       ยึดโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ ให้โรงเรียนมีอิสระ
2. ยึดโรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ เป็นแนวคิดที่มุ่งให้โรงเรียนมีอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยยึดประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนเป็นสำคัญ
      3. การมีส่วนร่วมและการร่วมคิดร่วม การศึกษาเป็นเรื่องของสาธารณชน มิใช่การรับผิดชอบของใครแต่ฝ่ายเดียว
      4. การกระจายอำนาจ เป็นการคืนอำนาจการจัดการศึกษาให้กับผู้ใกล้ชิดเด็กได้แก่ โรงเรียน ผู้บริหารการศึกษา ครูชุมชน เป็นความเชื่อว่าผู้มีส่วนได้เสียต่อการศึกษาหรือผู้ที่อยู่ใกล้เด็กสามารถจัดการศึกษาได้ดีที่สุด ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและชุมชน อำนาจการตัดสินใจควรอยู่ในระดับปฏิบัติคือสถานศึกษา
      5. ภารกิจที่ตรวจสอบได้ ต้องมีการกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบและภารกิจของผู้บริหาร ครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษาและชุมชนอย่างชัดเจน และภารกิจเหล่านี้ต้องสามารถตรวจสอบความสำเร็จได้ เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
เหตุผลที่สนใจ เพราะเพื่อที่จะศึกษาแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อความรู้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรหรือสร้างสูตรใหม่ ในครั้งต่อไป ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. หัวข้อ เรื่อง ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
สาระสำคัญของหัวข้อนี้คือ การพัฒนาหลักสูตร คือแผนประสบการณ์หรือแผนการจัดการเรียนการสอน            ที่เกิดจากการตัดสินใจร่วมกันระหว่างบุคลากรทั้งภายในและภายนอกของโรงเรียน เพื่อกำหนดการเรียนรู้                ของนักเรียน มีการวางแผนนำไปใช้และประเมินผลร่วมกัน
เหตุผลที่สนใจ เพราะ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มีความจำเป็นที่ทุกคนในสถานศึกษาต้องปฏิบัติ  เพื่อทำให้เรามีความรู้ ทักษะ และมีความเข้าใจในเนื้อหาของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น






กิจกรรมที่ 2 :
ศึกษาเอกสารคำสอนเรื่องการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ค้นหาแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์
กิจกรรมที่ 2.1 : P1 สืบค้นประเด็นที่เราสนใจศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนเอาใบความรู้   
                                      เพิ่มเติมจับคู่กันสืบค้น
อุปกรณ์ที่ใช้ : หนังสือฯ/ปากกา/ปากกาสี/กระดาษโน้ต (ถ้ามี)
                กิจกรรมนี้....พี่จูจูขอบอกเลยว่า เราต้องใช้ทักษะการอ่านและความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วยในการจดบันทึกค่ะ แน่นอนว่า....เนื้อหา และวิถีการเรียนรู้และความเข้าใจของทุกคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น กิจกรรมในที่นี้คือ

1.             ให้นักศึกษาทำการศึกษาและเรียนรู้เนื้อหาในตำรา ตามหัวข้อที่เราสนใจ และ ทำการบันทึกในกระดาษที่กำหนดให้ หัวข้อละ 1 หน้า จำนวน 2 หัวข้อค่ะ โดยสามารถใช้วิธีเขียนหรือบันทึกด้วยตัวอักษร เขียนเป็น Keyword  (คำสำคัญแล้วอธิบาย)  วาดรูปเป็นภาพหรือแผนผังความคิด สร้างเป็นภาพการ์ตูน มีเรื่องราว หรืออะไรก็ได้ตามความถนัดและสนใจ ที่สำคัญคือต้องมีแก่นที่มีใจความสำคัญด้วยนะคะ
กิจกรรมที่ 2.2 : P2
กิจกรรมที่ 2.2 : P2 ศึกษา ค้นหา แหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์
อุปกรณ์ที่ใช้ : คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต/หนังสือฯ/ปากกา/ปากกาสี/กระดาษโน้ต (ถ้ามี)
1. จากนั้น เมื่อทำการบันทึกเนื้อหาที่สำคัญแล้ว ให้นักศึกษานำหัวข้อที่เราสนใจ ทั้ง 4 ไปค้นหาความรู้เพิ่มเติมในเว็บไซต์ต่าง ๆ และให้จดบันทึกการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นที่มีอยู่นอกเหนือจากตำราเรียน จำนวน 2 หน้า (หรือมากกว่านี้ก็ได้) โดยมีเว็บไซต์ในการช่วยค้นหาตัวอย่างดังต่อไปนี้
หรือค้นหาตำราออนไลน์ ในรายวิชาที่เกี่ยวข้อง ของ ม.รามคำแหง ได้ที่   http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/findbook.asp

เว็บไซต์ทางการศึกษา/วิจัย เช่น www.gotoknow.org  และ http://www.vcharkarn.com/  http://www.obecresearch.net  และ http://tdc.thailis.or.th/tdc/basic.php เป็นต้น

ใบกิจกรรมที่ 2.1

หัวข้อที่ฉันสนใจ อันดับ 1 เรื่องการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสาระการอ่าน) มีสาระสำคัญดังนี้
 ใบกิจกรรมที่ 2.1
หัวข้อที่ฉันสนใจ อันดับ 2 เรื่อง การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน (Learning Management in Classroom)                         มีสาระสำคัญดังนี้ 

ใบกิจกรรมที่ 2.2
ความรู้ใหม่ที่ฉันได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมในเว็บไซต์ เกี่ยวกับหัวข้อที่ฉันสนใจ ได้สรุปสาระสำคัญดังนี้

กิจกรรมที่ 3 : P3สรุปสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ โดยใช้ผังความคิด
กิจกรรมที่ 3.1: P3 สรุปสิ่งที่เรียนรู้ สร้างแผนผังความคิดที่ดีงามและสร้างสรรค์
                    เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินคือ        ชื่อหัวข้อ + จินตนาการ + การออกแบบ + Concept ของรูปภาพ +         เนื้อหาสาระค่ะ    นิวเคลียร์ขอแนะนำแหล่งศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแผนผังความคิด คลิ๊กไปได้ที่ : http://www.si.mahidol.ac.th/th/division/soqd/admin/news_files/403_18_4.pdf
ชื่อหัวข้อ หลักสูตรสถานศึกษา

กิจกรรมที่ 4 : U1ประเมินความรู้ความเข้าใจและ U2 มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมที่ 4.1 ประเมินความรู้ความเข้าใจ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
Hooray!!! ในที่สุด...คุณก็มาถึงจุด ๆ นี้คือกิจกรรมสุดท้าย ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ทีนี้ในการตรวจสอบพัฒนาการด้านความรู้ของเรา ว่าจะดีขึ้นมากน้อยขนาดไหน ให้นักศึกษาปฏิบัติตามดังนี้

1.              ให้ย้อนกลับไปดูกิจกรรมที่ 1 ทบทวนความรู้เดิมของเรา และดูกิจกรรมที่ 2 มาเรื่อย ๆ จนถึงกิจกรรมที่ 3  สรุปสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ โดยใช้ผังความคิด และตอบคำถามต่อไปนี้ จากนั้นร่วมอภิปรายถึงกิจกรรมของตนเองที่ได้ศึกษาและเรียนรู้ ร่วมกันกับเพื่อนผ่านทาง Line, Facebook กันอย่างสนุกสนาน เฮฮา รื่นเริง ต้อนรับหลัง          ปิดเทอม
1) ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นที่ทำการศึกษาในบทที่ 9 ก่อนและหลังการปฏิบัติกิจกรรม การเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-directed Learning) จงอธิบาย? และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
ฉันคนเดิม สิ่งที่รู้ คือ
1.ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คือ การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรอันเดิมให้ได้ผลยิ่งขึ้นทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาวิชา การเรียนการสอน การวัดและประเมินผลและอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายอันใหม่ที่วางไว้
2.แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา เป็นแนวคิดที่มุ่งให้สถานศึกษามีอิสระและมีความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน ด้านวิชา ด้านการบริหารงานบุคคลและการบริหารทั่วไป และเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ






ฉันคนใหม่สิ่งที่รู้ คือ
1.การพัฒนาหลักสูตรเกิดได้ 2 ลักษณะ คือ การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร การปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรอย่างหนึ่งเพื่อให้เหมาะสมกับระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมายการสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธีสอน รวมทั้งการประเมินผล ส่วนคำว่าเปลี่ยนแปลงหลักสูตรหมายถึง การแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่างไปจากเดิม เป็นการสร้างโอกาสทางการเรียนขึ้นใหม่
2.จุดมุ่งหมายของหลักสูตรสถานศึกษาเมื่อจบการศึกษาแล้วต้องมีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การแก้ปัญหา  การใช้เทคโนโลยี มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทย ยึดมั่นในวิถีชีวิต อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยพัฒนาสิ่งแวดล้อม           และมีจิตสาธารณะ
ฉันคนเดิม
ฉันคนใหม่



2) สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในการปฏิบัติกิจกรรมนี้คือ การได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่ที่ได้ศึกษา และเรื่องการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย รู้จักวางแผนในการทำงานกลุ่ม รู้จักแบ่งเวลาและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ข้อดี ทำให้ได้ความรู้ใหม่มากยิ่งขึ้นและมีความสามัคคีในการร่วมกันทำงานกลุ่มกับเพื่อน สามารถปรึกษาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ นำมาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนในกลุ่มได้รับฟังและร่วมกันคิดแก้ไขปัญหา
ข้อเสีย เกิดความแตกต่างของบุคคล เกิดปัญหาสำหรับการวางแผนทำงาน ใช้เวลานานกว่าทำคนเดียว
3) ระยะเวลาที่ปฏิบัติกิจกรรมทั้งหมด   40 นาที                                                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น